Page 522 - เอกสารประกอบหลักสูตรเพื่อพัฒนาอาชีพ Re - Skill และ Up - Skill กลุ่มอาชีพเกษตรกรรม
P. 522

516


                   น้ำแข็งหรือเลือกใช้ผลไม้แช่แข็งเพื่อช่วยให้เนื้อสมูทตี้ข้นขึ้นแทนได้เช่นกัน และไม่ควรดื่มสมูทตี้เกินวันละ 150

                   มิลลิกรัมหรือประมาณ 1 แก้วเล็ก เพราะน้ำตาลจากผลไม้อาจทำให้เสี่ยงต่อการเกิดฟันผุได้
                             2. เพิ่มอาหารที่เป็นแหล่งโปรตีนและไขมันดี อะโวคาโดเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วย

                   ไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกาย ทั้งยังมีวิตามินบี โพแทสเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระ นอกจากนี้ เวย์โปรตีนและถั่ว
                   ลันเตาก็เป็นแหล่งโปรตีนที่ย่อยง่ายซึ่งประกอบด้วยกรดอะมิโนจำเป็น หรือสามารถใส่เมล็ดเจียที่ช่วยให้สมูทตี้
                   มีเนื้อข้นขึ้น ทั้งยังมีไฟเบอร์ โปรตีน และไขมันชนิดที่ดีต่อร่างกายด้วย

                             3. ใส่ผักใบเขียวเพิ่มประโยชน์ เช่น ปวยเล้ง เคล หรือสวิสชาร์ด เป็นต้น เพราะเป็นผักที่จะเพิ่มสี
                   เขียวให้กับสมูทตี้ และยังประกอบไปด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งวิตามิน ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่ง

                   อาจใส่น้ำมะนาวลงไปด้วยเพื่อช่วยให้รสชาติของผักใบเขียวกลมกลืนกับผลไม้อื่น ๆ ในแก้วได้เป็นอย่างดี
                             4. เติมความหวานอย่างระมัดระวัง แม้จะเลือกวัตถุดิบที่มีไขมันดีอย่างอะโวคาโด หรือผลไม้รส

                   เปรี้ยวในตระกูลเบอร์รี่ แต่หากเติมน้ำตาลหรือน้ำผึ้งมากเกินไปก็อาจทำให้สมูทตี้แก้วนั้นไม่ดีต่อสุขภาพอย่างที่
                   คิด เพราะความหวานที่มากเกินพอดีอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และเสี่ยงต่อปัญหา
                   สุขภาพอื่น ๆ ตามมา อย่างฟันผุ น้ำหนักตัวเกิน โรคอ้วน โรคเบาหวาน รวมถึงโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่หากติด

                   รสหวานก็อาจเลือกใช้หญ้าหวานหรือสารให้ความหวานทดแทนน้ำตาลในรูปแบบอื่น ๆ เพื่อเพิ่มรสชาติ
                   ให้สมูทตี้แก้วโปรด


                   3. จงบอกวิธีการเก็บรักษาวัตถุดิบสำหรับการทำเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ อย่างน้อย 5 วิธี พร้อมยกตัวอย่าง
                      ประกอบ

                   ตอบ       1. วิธีเก็บผัก ผลไม้ ด้วยกระดาษห่อผัก ผักสดควรจะต้องทานภายใน 1 - 2 วัน เพื่อให้ได้
                   สารอาหารสูงสุด แต่ถ้าต้องการแช่ผักในตู้เย็น หลังจากล้างผักเสร็จแล้ว ให้ห่อผักด้วยกระดาษเช็ดมือแผ่นใหญ่

                   แล้วค่อยนำไปแช่ตู้เย็น ซึ่งกระดาษจะช่วยกักเก็บความชื้นไม่ให้ระเหยออกไป และช่วยคงความสดให้นานขึ้นที่
                   สำคัญอย่าลืมเด็ดผักใบที่ช้ำหรือเน่าทิ้งออกก่อน
                             2. วิธีเก็บผักผลไม้ โดยแยกกลุ่มผักให้ชัดเจนก่อนก่อนจะนำผักสดเข้าตู้เย็นนั้นให้แยกกลุ่มผัก

                   ออกจากกัน โดยจำแนกเป็น 3 ชนิด คือผักที่เน่าเสียง่ายอย่าง เห็ด, ผักชี, ผักกาดหอม, ถั่วงอก, ถั่วฝักยาว,
                   ผักบุ้ง และชะอม ต่อมาคือ กลุ่มผักที่เก็บได้ในระยะเวลาจำกัด ก็จะมีผักกาด, ผักคะน้า, มะเขือเทศ เป็นต้น

                   นอกจากนี้ยังมีกลุ่มผักที่เก็บไว้ได้นานกว่าผักอื่นๆ เช่น ฟัก, แฟง, เผือก, มัน และฟักทอง ซึ่งผักเหล่านี้แม้จะ
                   เก็บในตู้เย็นก็ยืดเวลาได้ไม่นานนัก แต่การเก็บที่ดีที่สุดคือใส่ถุงพลาสติกที่สะอาดและแห้ง จะช่วยเก็บความสด
                   ไว้ได้นานขึ้น 5 - 7 วัน

                             3. วิธีเก็บผักผลไม้สุกง่าย จับใส่ถุงสูญญากาศขึ้นชื่อว่าผลไม้ ก็มีให้เลือกมายมายนับไม่ถ้วน แต่
                   ผลไม้ต่างๆ ที่สุกง่าย อย่าง มะม่วง, แอปเปิ้ล, อะโวคาโด, องุ่น, ลูกแพร รวมไปจนถึงผักอย่างพริกไทยสด และ

                   เห็ดทุกชนิด ถ้าอยากให้คงความสดและเก็บได้นานล่ะก็แนะนำให้ใส่ถุงพลาสติกสูญญากาศ และพยายามอย่า
                   ให้ผิวของผลไม้แต่ละลูกสัมผัสกัน เพียงเท่านี้ก็ช่วยเก็บความสดไว้ได้นานขึ้นแล้ว










                                                          518
   517   518   519   520   521   522   523   524   525   526   527